เมื่อภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนไป

“เมื่อภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนไป” : คอลัมน์เศรษฐกิจ…อีกนิดก็หลักสี่ (.ศูนย์) โดย..รศ.ดร.ศรายุทธ เรืองสุวรรณ ภาควิชาการบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ 

ในรอบสองสามปีที่ผ่านมา โลกได้เผชิญกับความไม่แน่นอนที่หลากหลายและรับมือยากขึ้นอย่างแทบไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อแต่ประเทศต่างๆ ก็สามารถก้าวผ่านมาได้ แม้จะลำบากยากเย็นก็ตาม

เมื่อภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนไป
แต่เรื่องที่น่าจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือชุดความคิดของการบริหารไปแบบ 180 องศา คงเป็นเรื่องที่ “ยุคทองของสหรัฐอเมริกา” ได้ผ่านพ้นไปแล้ว พูดง่ายๆ อีกแบบก็คือ ความเป็นมหาอำนาจเดี่ยวของประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มเข้าสู่ความเสื่อมถอยเสียแล้ว การชี้นำทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับโดยลุงแซมสำหรับประเทศอธิปไตยต่างๆ สิ้นมนต์ขลัง ไม่เหมือนดั่งที่เคยเป็นมาในอดีต

ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะวันนี้ ภูมิศาสตร์ การเมือง หรือ ภูมิรัฐศาสตร์ของโลก กลับถูกแทนที่ด้วยการแข่งขันทางอำนาจของประเทศต่างๆ ที่ก้าวขึ้นมาท้าทายผู้ดำรงตำแหน่งเดิมอย่างอเมริกา ความเป็นชาตินิยมของประเทศต่างๆ และการเปลี่ยนผ่านทางสังคมที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเกิดขึ้นของปัจจัยเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นอย่างน้อยที่สุดว่า โลกที่ครอบครองโดยสหรัฐอเมริกา เดินถึงทางตัน หรือ ถนนทุกสายไม่ได้มุ่งสู่วอชิงตันอีกต่อไป

ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้เห็นจะหนีไม่พ้นการสิ้นสุดของเงื่อนไขอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต และการพัฒนาทางเศรษฐกิจของโลกตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา แต่จะเห็นการเริ่มต้นเงื่อนไขใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกันที่มีความซับซ้อนและท้าทาย ซึ่งต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง รวมถึงความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ สำหรับการขับเคลื่อนพัฒนาการทางเศรษฐกิจนับจากนี้เป็นต้นไป

หลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศทั่วโลกต่างก็ยอมรับบทบาทการนำของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้มีอิทธิพลเพียงคนเดียวบนโลก และยินดี (แต่อาจจะไม่เต็มใจ) ที่ปรับเงื่อนไขภายในประเทศตนเองให้สอด คล้องกับรสนิยมของสหรัฐอเมริกา มากบ้างน้อยบ้างตามแต่อำนาจต่อรองของแต่ละประเทศ

รสนิยมดังกล่าว ได้แก่ เศรษฐกิจแบบตลาด การค้าเสรี การเมืองแบบประชาธิปไตย และรูปแบบเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วม และรสนิยมเหล่านี้ บีบบังคับให้ประเทศน้อยใหญ่ต่างต้องสละผลประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองของชาติ เพื่อปรับให้เข้ากับแกนหลักของโลกอย่างเสียไม่ได้

แต่ก็ต้องยอมรับโดยไร้เสียงปฏิเสธว่า ช่วงแห่งการปฏิรูปตลาดเสรี โลกาภิวัตน์ และการปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยีได้ทำให้การบริหารจัดการเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่วัดโดยอัตราเงินเฟ้อมีประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อระบบเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ การบริหารจัดการเชิงนโยบายการเงินก็ง่ายตามไปด้วย ผลสืบเนื่องที่ชัดเจนจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ง่าย ก็การบริหารจัดการก็กระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการเงินประเภท Private Equity ที่มุ่งแสวงหาโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ ผ่านกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย จนนำไปสู่การเติบโตของนวัตกรรมต่าง ๆ และมูลค่าบริษัทที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ดังที่กล่าวข้างต้น งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การครอบงำทางเศรษฐกิจของลุงแซมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลักฐานเชิงประจักษ์ คือ การถือกำเนิดอย่างแกร่งกล้าของประเทศจีน  รวมถึงการเกิดขึ้นของประเทศเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนพัวพันจนยากที่จะแตกแถว อย่าง สหภาพยุโรป อินเดีย หรือ บราซิล 

แต่ในทางตรงกันข้าม ผลกระทบเชิงลบของวิกฤตการณ์ระดับโลกหลายเหตุการณ์ก็ได้สร้างความแตกแยกต่อระบบความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นต่างๆ เช่น การเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ Brexit เป็นต้น

By admin

Related Post